เพื่อนสนิท


วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ที่ห่วงใย

ติดทองหลังพระ
เขียนโดย เพื่อนสนิท ที่ 04:32 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

สัตว์ประจำชาติ

สัตว์ประจำชาติ

ดอกไม้ประจำชาติ

ดอกไม้ประจำชาติ

ธงประจำชาติ

ธงประจำชาติ

ประเทศฟิลิปปินส์

ประเทศฟิลิปปินส์

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2012 (1)
    • ▼  มกราคม (1)
      • ที่ห่วงใย

ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

เพื่อนสนิท
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

ประเทศฟฟลิปปินส์

ชื่อทางการ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ( Philippine)
เมืองหลวง กรุงมะนิลา
รูปแบบการปกครอง สาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร (ดำรงตำแหน่งสมัยละ 6 ปี)

ผู้นำสำคัญทางการเมือง
- นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดี
(H.E. Mrs. Gloria Macapagal - Arroyo) (เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 มกราคม 2544)
- นายทีโอฟิสโต กิงโกนา (Mr. Teofisto T. Guingona, Jr.) รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
- นายบลาส เอฟ. อ๊อบเล่ (Mr. Blas F. Ople) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
- นายโฮเซ ไอซิโดร คามาโช (Mr. Jose Isidro Camacho) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
- นายแฟรงคลิน ดริลอน (Mr. Franklin Drilon) ประธานวุฒิสภา
- นายโฮเซ เด เวเนเชีย จูเนียร์ (Mr. Jose de Venecia, Jr.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร
วันชาติ 12 มิถุนายน (วันที่ได้รับเอกราชจากสเปนเมื่อ 12 มิถุนายน 2441/ค.ศ.1898)
เขตการปกครอง 14 เขต (region) รวม 76 จังหวัด (province) และ 60 เมือง (city) โดยแบ่งการปกครองย่อยออกเป็น 1,532 เทศบาล (municipality) และ 40,904 บารังไก (barangay) ซึ่งเทียบเท่าตำบลหรือหมู่บ้าน
พื้นที่ 298,170 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 3 ใน 5 ของประเทศไทย) ชายฝั่งทะเลยาว 34,600 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1,800 กิโลเมตร ใช้เวลา ในการเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินประมาณ 3 ชั่วโมง (เวลาที่ฟิลิปปินส์เร็วกว่าเวลาที่ประเทศไทย 1 ชั่วโมง)
ประชากร 84.5 ล้านคน (ก.ค. 2545)
การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้ง โดยร่วมลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ เมื่อ 8 สิงหาคม 2510
เอกอัครราชทูตไทยประจำฟิลิปปินส์ นางบุษบา บุนนาค (Mrs. Busba Bunnag)(เข้ารับหน้าที่ เมื่อมกราคม 2545)
เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ นางโซยา คาตาอุมเบอร์ เบรดี้ (Mrs. Sonia Cataumber Brady) เข้ารับหน้าที่ เมื่อเมษายน 2545

การเมืองการปกครอง
การเมือง
- ปัจจุบัน รัฐบาลฟิลิปปินส์ประสบปัญหาความมั่นคงภายในซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะสถานการณ์ไม่สงบทางตอนใต้ของประเทศ นอกจากนั้น การเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front - MILF) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งฟิลิปปินส์ (National Democratic Front - NDF) ก็ยังมิได้ข้อยุติ
สังคม
- สภาพสังคมฟิลิปปินส์ยังคงมีความแตกต่างกันมากระหว่างคนรวยกับคนจน การกระจายรายได้ไปสู่ชนบทยังทำได้ไม่ทั่วถึง ประชาชนจำนวนมากยังไม่มีที่ดินทำกิน ทำให้เกิดปัญหาแหล่งเสื่อมโทรมและปัญหาอาชญากรรม อย่างไรก็ดี รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นกับการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาสังคมต่าง ๆ โดยได้นำดำเนินโครงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมต่าง ๆ อาทิ One Town, One Product, One Million Peso มาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น การปฏิรูปการเคหะ โครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น

เศรษฐกิจการค้า

ระบบเศรษฐกิจ เสรี
เงินตรา/อัตราแลกเปลี่ยน ฟิลิปปินส์เปโซ (Philippine Peso) ประมาณ 54.3 เปโซ/ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี 890.22 ดอลลาร์สหรัฐ (2544)
GDP 55.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ณ ไตรมาสที่ 3 ของ 2545)
GDP Growth ร้อยละ 4.6 (2545)
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 3.2 (ณ ไตรมาสที่ 3 ของ 2545)
การค้าระหว่างประเทศ ปี 2545 มีมูลค่าการค้ารวม 68.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้เปรียบดุลการค้า 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ยังคงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับต้น
สินค้าออกที่สำคัญ semi-conductor แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เสื้อผ้าสำเร็จรูป
ตลาดส่งออกที่สำคัญ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวัน
สินค้านำเข้าที่สำคัญ น้ำมัน เครื่องจักร รถยนต์ อุปกรณ์ขนส่ง สินค้าบริโภค เคมีภัณฑ์
นำสินค้าเข้าจาก ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี และไต้หวัน
- ในปี 2545 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 4.6 (สูงกว่าการคาดการณ์ของ National Economic and Development Authority ของฟิลิปปินส์) และผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GNP) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 5.2 (สูงกว่าปี 2544 ร้อยละ 2.2) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเมื่อปี 2540 ดรรชนีผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI) เท่ากับ 168.6 อัตราเงินเฟ้อ เท่ากับร้อยละ 2.6 อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 10.2 รายได้สุทธิจากต่างประเทศ (Net Factor Income from Abroad) มีมูลค่าร้อยละ 6.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ
- ภาคอุตสาหกรรมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมเหมืองแร่ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ทองแดง และทองคำได้รับการส่งเสริม ภาคการก่อสร้างการเคหะ และอาคารพาณิชย์ ได้รับการฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม ภาคโรงงานอุตสาหกรรมยังคงต้องได้รับการเอาใจใส่ เนื่องจากศักยภาพในการผลิตยังไม่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังดำเนินการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ
- ด้านการบริการ รัฐบาลกำลังดำเนินการเปิดเสรีธุรกิจโทรคมนาคมซึ่งเติบโตถึงร้อยละ 8.9 ในปี 2545 ด้านการเกษตรมีการเติบโตร้อยละ 3.5 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ El Nino
- National Economic and Development Authority คาดว่าในปี 2546 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจะเติบโตในอัตราร้อยละ 4.2-5.2 และผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 4.5-5.4 โดยภาคเกษตรกรรมตาดว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 3-4 ภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะเติบโตอัตราร้อยละ 3.4-4.4 ภาคการ บริการคาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 5.2-6.2
- ในปี 2545 รายได้ของรัฐบาลมีมูลค่า 1.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายจ่ายของรัฐบาลมีมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลงบประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 5.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ)

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์

สถาปนาความสัมพันธ์ 12 กันยายน 2492 (ค.ศ. 1949)
กลไกความสัมพันธ์ทวิภาคี คณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission -JC) จัดตั้งเมื่อปี 2536 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม ประชุมครั้งล่าสุดคือ ครั้งที่ 3 เมื่อ 10-11 มิถุนายน 2542 ที่กรุงมะนิลา ไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุม JC ครั้งที่ 4 ในปี 2546
การลงทุนไทยในฟิลิปปินส์ ในปี 2545 มูลค่าการลงทุนของไทยในฟิลิปปินส์ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คิดเป็น 0 เช่นเดียวกับการลงทุนจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนฯ
การลงทุนฟิลิปปินส์ในไทย ในปี 2539-2545 ไม่มีการลงทุนโดยตรงจากฟิลิปปินส์ในไทยผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
การค้ากับไทย ในปี 2545 ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 10 ของฟิลิปปินส์ และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของฟิลิปปินส์ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ มูลค่าการค้ารวม 2,350.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 1.76 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.98 จากปี 2544 โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 200.5ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้าจากไทย เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า ยานพาหนะพร้อมอุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว
สินค้าส่งออกมาไทย เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์และส่วนประกอบแผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบ รวมทั้งโครงรถและตัวถัง สินแร่โลหะอื่น ๆ และเศษโลหะ ปุ๋ย เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์
สถานะความสัมพันธ์ไทย-ฟิลิปปินส์
-ความสัมพันธ์ไทย-ฟิลิปปินส์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดมาเป็นระยะเวลานาน

(1) การเมือง
- ผู้นำทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ
ไทยเยือนฟิลิปปินส์ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินทางเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการเมื่อ 13-15 มิถุนายน 2542 ตามคำเชิญของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ และเมื่อ 28-29 พฤศจิกายน 2542 เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 ที่กรุงมะนิลา ฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ เมื่อ 12-13 ตุลาคม 2544 และเมื่อ 18 มีนาคม 2545 พล.ร.อ. ณรงค์ ยุทธวงศ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเยือนฟิลิปปินส์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ฟิลิปปินส์เยือนไทย นายโจเซฟ เอสตราดา ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในขณะนั้น ได้เดินทางเยือนไทยเพื่อร่วม การประชุม UNCTAD ครั้งที่ 10 ที่กรุงเทพฯ เมื่อ 11-13 กุมภาพันธ์ 2543 สำหรับปี 2544 นายริซาลลิโน นาวาร์โร ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนไทย ระหว่าง 18-22 เมษายน 2544 และนายโฮเซ เด เวเนเชีย ประธานสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์เดินทางเยือนไทย 2 ครั้ง คือ มิถุนายน 2544 และกันยายน 2544 เพื่อเข้าร่วมประชุม ASEAN Inter-Parliamentary ครั้งที่ 22 ล่าสุดนางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 7-8 พฤษภาคม 2545 และเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียนและผู้นำอาเซียน-จีนสมัยพิเศษว่าด้วยโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อ 29 เมษายน 2546
- ปัจจุบันมีความร่วมมือด้านการทหารอย่างใกล้ชิด อาทิ การจัดส่งนักเรียนนายร้อยของไทยเข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยฟิลิปปินส์ การแลกเปลี่ยนนายทหารเข้าอบรมในหลักสูตรเสนาธิการทหาร การแลกเปลี่ยนการดูงานของนักศึกษาในหลักสูตรวิชาทหารต่าง ๆ การสัมมนาแลกเปลี่ยนข่าวกรองทางทหารระหว่างกัน และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำเหล่าทัพ เป็นต้น และฟิลิปปินส์ได้เข้าร่วมการฝึก Cobra Gold ด้วย

(2) เศรษฐกิจ
- ด้านการค้า ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 10 ของฟิลิปปินส์ และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของฟิลิปปินส์ในกลุ่มอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2545 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 2,350.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 1.76 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.98 จากปี 2544 โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับฟิลิปปินส์ 200.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้านการลงทุน
- ตั้งแต่ปี 2540-2545 มูลค่าการลงทุนของไทยในฟิลิปปินส์คิดเป็น 65.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเภทของการลงทุนของไทย ได้แก่ กิจการโทรคมนาคม น้ำมัน กระเบื้องเซรามิค ยางรถยนต์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว และกิจการภัตตาคาร ทั้งนี้ ในปี 2545 มูลค่าการลงทุนของไทยในฟิลิปปินส์ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฟิลิปปินส์ คิดเป็น 0 เช่นเดียวกับการลงทุนจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนฯ
- ตามสถิติของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ระบุว่า ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา (2528-2545) โครงการลงทุนของฟิลิปปินส์ในไทยมีเพียง 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นการร่วมลงทุนกับประเทศอื่น สาขาการลงทุนที่ฟิลิปปินส์สนใจได้แก่ ก) สาขาผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง ข) สาขาเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก ค) สาขาเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร โดยในช่วงปี 2539-2545 ไม่มีการลงทุนโดยตรงจากฟิลิปปินส์ในไทยผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเลย
-ด้านการท่องเที่ยว ตลาดนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์มีการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ในช่วงปี 2535–2539 เมื่อเข้าสู่ปี 2540 การเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์เริ่มชะลอตัวลง โดยมีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 1.29 อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ปี 2541 โดยในปี 2543 จำนวนนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์เดินทางมาไทย 106,724 คน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.51) และในปี 2544 นักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์เดินทางมาไทย 124,841 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.19 โดยตลาดนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 1.23 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าไทยทั้งหมด นักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ที่เดินทางมาไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบอาชีพในกลุ่มแรงงาน กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มวิชาชีพ ตามลำดับ
- ความช่วยเหลือ ไทยได้จัดสรรทุนฝึกอบรมให้แก่บุคลากรฟิลิปปินส์ในสาขาต่าง ๆ อาทิ การเกษตร ประมง สิ่งแวดล้อม สุขอนามัย การพัฒนาชุมชน และไทยยังให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ฟิลิปปินส์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยจากพายุไต้ฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด นอกจากนี้ ไทยได้มอบเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แก่รัฐบาลฟิลิปปินส์สำหรับเป็นเงินทุนในการจัดสร้างศูนย์เก็บรักษาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรภายหลังการเก็บเกี่ยว ที่มหาวิทยาลัยปังกาสินัน รวมทั้งได้จัดสรรทุนฝึกอบรมแก่ผู้เชี่ยวชาญฟิลิปปินส์ ซึ่งจะปฏิบัติงานที่ศูนย์แห่งนี้
- สภาธุรกิจ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 1 เมื่อ 1-4 มีนาคม 2537 ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจจัดตั้งสภาธุรกิจระหว่างประเทศทั้งสอง เมื่อ 30 กันยายน 2538 โดยมีผู้แทนระดับสูงของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่ประธานร่วม (Co-chair) ประธานสภาธุรกิจไทย-ฟิลิปปินส์ (Thailand Philippines Business Council – TPBC) ปัจจุบันคือ
ดร. วิพรรธ์ เริงพิทยา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในขณะที่ประธานสภาธุรกิจฟิลิปปินส์-ไทย (Philippines-Thailand Business Council) ปัจจุบันคือ นายซีซาร์ วี พูริสมา (Mr. Cesar V. Purisma)

(3) สังคมและวัฒนธรรม
-ไทยและฟิลิปปินส์ได้ลงนามในความตกลงทางวัฒนธรรม เมื่อ 19 กรกฎาคม 2518 ในปี 2539 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะ-นิลา ได้จัดกิจกรรมเพื่อร่วมเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก โดยได้จัดให้มีการเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กกำพร้าและเด็กพิการ และการจัดสร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์
- ในโอกาสการฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อปี 2542 ได้มีการจัดพิมพ์แสตมป์ที่ระลึก การใช้ชื่อประเทศไทยเป็นชื่อถนนในกรุงมะนิลา การเปลี่ยนชื่อซอยข้างสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ในประเทศไทยเป็น “ซอยฟิลิปปินส์” และการตั้งวงเวียนมิตรภาพฟิลิปปินส์-ไทย ที่กรุงมะนิลา
- คณะสื่อมวลชนชั้นนำของฟิลิปปินส์ได้เดินทางเยือนไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยฝ่ายไทยได้จัดให้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย โดยมีวัตถุประสงค์ให้บุคคลเหล่านี้นำข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทยกลับไปเผยแพร่ในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ในแต่ละปี ได้จัดให้มีการแข่งขันประกวดเขียนเรียงความเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับนักเรียนและนักศึกษาใน ฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนของฟิลิปปินส์มีความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยมากขึ้น

แหล่งอ้างอิง

www.google.com
บางเบา ธีม. รูปภาพธีมโดย tjasam. ขับเคลื่อนโดย Blogger.